เมียนมาออกกฎหมายเขตอุตสาหกรรม (Industrial Zone Law)
15 Jun 2020เมียนมาออกกฎหมายเขตอุตสาหกรรม (Industrial Zone Law)
เมื่อ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓ รัฐสภาเมียนมาได้อนุมัติให้กฎหมายเขตอุตสาหกรรม (Industrial Zone Law) มีผลบังคับใช้ โดยก่อนหน้านี้ เมียนมาไม่มีกฎหมายเฉพาะในเรื่องเขตอุตสาหกรรม ปัจจุบัน กระทรวงวางแผน การคลัง และอุตสาหกรรม เมียนมา กำหนดให้มีพื้นที่ ๒๙ แห่ง เป็นเขตอุตสาหกรรมกระจายไปตามภาคและรัฐต่าง ๆ ได้แก่ ภาคมัณฑะเลย์ ๓ แห่ง ภาคย่างกุ้ง ๑๐ แห่ง ภาคอิระวดี ๓ แห่ง ภาคมะก่วยและรัฐมอญที่ละ ๒ แห่ง ภาคพะโค ภาคตะนาวศรี ภาคสะกาย รัฐชิน รัฐฉาน รัฐกะเหรี่ยง รัฐยะไข่ รัฐคะยา และกรุงเนปิดอ ที่ละ ๑ แห่งนอกจากนี้ ยังมีพื้นที่อื่น ๆ ที่เป็นเขตอุตสาหกรรมที่มีการลงทุนร่วมจากภาคเอกชน เช่น โครงการ Yangon Amata Smart & Eco City โครงการเมืองอุตสาหกรรมซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างกรมการพัฒนาเมืองและการเคหะ กระทรวงก่อสร้างเมียนมากับบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด
ธุรกิจที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการในเขตอุตสาหกรรม
๑. การผลิตผลิตภัณฑ์ (finished products) และสินค้าที่เกี่ยวข้อง การเพิ่มมูลค่าสินค้า
และการบรรจุสินค้า
๒. การคมนาคม การขนส่งวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ รวมทั้งธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงถนน
๓. การบริการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการผลิต
๔. การค้าภายในและระหว่างประเทศ
สัดส่วนของเขตอุตสาหกรรม ประกอบด้วย พื้นที่อุตสาหกรรม ร้อยละ ๖๐-๗๐ พื้นที่การค้าร้อยละ ๑-๕ สาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐาน ร้อยละ ๒๐-๒๕ และพื้นที่สีเขียว ร้อยละ ๙-๑๐
ผู้ลงทุนจะต้องยื่นคำร้องไปที่ Regional Industrial Zones Development and Management Committee (“Regional Committee”) ซึ่งจะส่งเรื่องให้ Industries and Industrial Zone Development Central Committee (“Central Committee”) (กม. กำหนดให้มีการจัดตั้ง คกก. ทั้ง ๒ ชุดนี้) พิจารณาอนุมัติ
สิทธิประโยชน์ที่จะได้รับ ได้แก่
- ผู้ลงทุนจะได้รับสิทธิยกเว้นการชำระภาษีเงินได้ระยะเวลา ๓ หรือ ๕ หรือ ๗ ปี ขึ้นอยู่กับการพัฒนาในพื้นที่
- สิทธิในการถือครองที่ดินเป็นระยะเวลา ๕๐ ปี และสามารถต่ออายุการถือครองได้ ๒ ครั้ง ครั้งละ ๑๐ ปี
- Central Committee จะออกประกาศเพื่อให้สิทธิประโยชน์พิเศษ (Special Incentives) แก่การลงทุน ดังนี้ (๑) อุตสาหกรรมในเขตที่มีการพัฒนาต่ำ (๒) การลงทุนที่สร้างงานสร้างอาชีพเป็นจำนวนมาก (๓) การเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรและสินค้าปฐมภูมิ (๔) อุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์และเครื่องจักรทางการเกษตร และ (๕) การเพิ่มมูลค่าสินค้าส่งออกและสินค้าที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์
หากผู้ลงทุนที่ได้ถือครองที่ดินแล้วยังไม่ดำเนินการใด ๆ จะต้องยื่นแผนธุรกิจ (Business Plan) ภายใน ๒ ปี และหากผู้ลงทุนไม่บรรลุเป้าหมายตามแผนธุรกิจ Regional Committee จะพิจารณาขอคืนพื้นที่ร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่ทั้งหมด เพื่อให้กับนักลงทุนรายอื่น
กฎหมายฉบับนี้สะท้อนถึงการดำเนินการของรัฐบาลเมียนมาที่ต้องการบริหารจัดการเขตอุตสาหกรรมอย่างเป็นระบบและมีความโปร่งใส เช่นเดียวกับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อการขับเคลื่อนแผนพัฒนาเมียนมาอย่างยั่งยืน (Myanmar Sustainable Development Plan-MSDP) และการบรรลุเป้าหมายที่ ๓ ของ MSDP การสร้างงานและการที่ภาคเอกชนมีบทบาทในการพัฒนาเศรษฐกิจ แผนปฏิบัติการ ๓.๓.๗ พัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ และเขตอุตสาหกรรมบนพื้นฐานการวางแผนทางยุทธศาสตร์ ซึ่งคำนึงผลประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการพัฒนาชุมชน
สำหรับโอกาสที่นักธุรกิจไทยควรจับตามองคือ การเข้ามาลงทุนในเขตอุตสาหกรรมของเมียนมาบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา เพื่อรองรับการพัฒนาการค้าและการลงทุนข้ามชายแดน ได้แก่ เขตอุตสาหกรรมลอยกอ รัฐคะยา(ตรงข้ามจังหวัดแม่ฮ่องสอน) เขตเศรษฐกิจเมียวดีและเขตอุตสาหกรรมพะอัน รัฐกะเหรี่ยง (ตรงข้าม) อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก โดยเฉพาะเชื่อมโยงกับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษตาก) เขตอุตสาหกรรมเมาะลำไย และโครงการ Southern Myanmar Development (SMD) รัฐมอญ เขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย ภาคตะนาวศรี (ตรงข้ามจังหวัดกาญจนบุรี) และเขตอุตสาหกรรมมะริด ภาคตะนาวศรี (ตรงข้ามจังหวัดประจวบคีรีขันธ์) อันจะเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิต (Manufacturing) การพัฒนาธุรกิจคมนาคมและโลจิสติกส์ ตลอดจนการกระตุ้นให้เกิดการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างภาคธุรกิจและภาคประชาชนของทั้งสองประเทศ
************************************
ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในเมียนมา
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง
๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๓